ในประเทศไทยที่มีอากาศค่อนข้างร้อน การใช้เครื่องปรับอากาศหรือที่เราเรียกกันโดยทั่วไปว่าแอร์ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก โดยแอร์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอาคารบ้านเรือนหรือที่พักอาศัย เรามักจะเรียกกันว่า แอร์บ้าน ส่วนแอร์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมที่มีการผลิตจะเรียกกันว่าแอร์โรงงาน ซึ่งสองประเภทนี้มีความแตกต่างในการใช้งานอยู่พอสมควร
คลิกดูเนื้อหาที่ละตอนได้
แอร์บ้าน คืออะไร แตกต่างจากแอร์ที่ใช้ในโรงงานอย่างไร
เมื่อพูดถึง แอร์บ้าน คนทั่วไปก็จะเข้าใจได้ว่าเป็นแอร์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอาคารบ้านเรือน โดยจะมีความแตกต่างกับแอร์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสเปกของเครื่องรวมถึงวัสดุและการออกแบบที่การใช้งานในอุตสาหกรรมนั้นจะมีการใช้วัสดุที่มีความทนทานและมีขนาดใหญ่กว่า
รวมทั้งจะมีระบบต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากมาย โดยจะมีการออกแบบวางแผนเป็นอย่างดีเพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานที่หนักก ว่าทั้งระบบไฟฟ้า, ระบบท่อน้ำยา รวมถึงระบบการป้องกันต่างๆ
ที่เสริมเข้าไป เพื่อช่วยให้การใช้งานมีความปลอดภัยและทนทานต่อการใช้งานหนักได้ ในขณะที่แอร์บ้านนั้น จะมีการใช้งานเฉพาะในอาคารบ้านเรือนจึงมีขนาดที่เล็กกว่า และระบบการทำงานที่เกี่ยวข้องจะไม่ซับซ้อนเท่ากับการใช้งานแอร์ในโรงงานอุตสาหกรรม
ข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่งของแอร์บ้านกับแอร์ในโรงงานอุตสาหกรรมก็คือ ขนาด BTU ซึ่งเป็นกำลังในการถ่ายเทความร้อนออกจากห้อง โดยหน่วย BTU ของแอร์บ้านจะอยู่ระหว่าง 6,000 – 40,000 BTU โดยสามารถใช้ได้ในระบบไฟ 220 โวลต์
ซึ่งเป็นระบบไฟที่ใช้กันทั่วไปในอาคารบ้านเรือน ในขณะที่แอร์โรงงานจะมีหน่วย BTU ที่มากกว่าคือ อยู่ที่ระหว่าง 40,000 – 150,000 BTU ที่ใช้ไฟในระบบ 380 โวลต์ เหมาะสมสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ไม่สามารถใช้ในอาคารบ้านเรือนทั่วไปได้
แอร์บ้าน มีกี่ประเภท
การใช้งานแอร์บ้านนั้น เป็นการใช้งานแอร์ภายในอาคารบ้านเรือนหรือที่พักอาศัย ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ที่หลากหลาย โดยสามารถแบ่งประเภทของแอร์บ้านได้ 7 ประเภทดังต่อไปนี้
1.แอร์แบบติดผนัง
เป็นแอร์ที่ใช้ติดตั้งกับผนังห้อง มีการทำงานที่ค่อนข้างเงียบสามารถใช้งานได้กับห้องขนาดเล็กได้ โดยจะมีขนาด BTU อยู่ระหว่าง 9,500 – 25,000 BTU ที่สามารถเลือกได้หลากหลายให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง
โดยแอร์บ้านแบบติดผนังนี้จะมีการออกแบบที่สวยงาม มีสีและรูปแบบที่หลากหลายให้ได้เลือกใช้ตามความต้องการ แต่ข้อด้อยอย่างหนึ่งของแอร์ประเภทนี้ก็คือ การกระจายแรงลมยังไม่ค่อยทั่วถึงนัก ในขณะที่แอร์แบบแขวนเพดานและตั้งพื้นจะสามารถกระจายแรงลมได้ดีกว่า
2.แอร์แบบฝังฝ้าเพดาน
เป็นแอร์ที่ติดตั้งโดยการฝังอยู่ใต้เพดานหรือใต้ฝ้าของห้อง มีข้อดีคือ สามารถกระจายแรงลมได้ทั่วถึง อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่สวยงามสามารถติดตั้งให้กลมกลืนไปกับเพดานห้องได้ จึงทำให้เหมาะกับห้องที่ต้องการการตกแต่งที่สวยงามและเนี๊ยบ
อีกทั้งการติดตั้งอยู่บนฝ้าเพดานยังทำให้ประหยัดพื้นที่อีกด้วย แต่ข้อเสียก็คือ ติดตั้งได้ยาก ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญเท่านั้น แถมยังต้องใช้อุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนมากกว่าแอร์บ้านแบบอื่นๆ
3.แอร์แบบตั้งแขวน
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแอร์ที่มีขนาดใหญ่ ติดตั้งโดยการแขวนเอาไว้ใต้เพดานหรือใต้ฝ้า มีข้อดีคือ ด้วยความที่เป็นแอร์บ้าน ขนาดใหญ่ จึงทำให้สามารถส่งแรงลมออกไปได้ไกลกว่า ทำให้ห้องเย็นเร็ว ดูแลรักษาง่าย แต่ข้อเสียก็คือ ด้วยขนาดที่ใหญ่และมีน้ำหนักมากจึงทำให้การติดตั้งค่อนข้างยาก เมื่อเปิดใช้งานจะมีแรงสั่นสะเทือนและมีเสียงรบกวนที่มากกว่า
4.แอร์แบบท่อลม
เป็นแอร์ที่ใช้หลักการโดยการส่งความเย็นผ่านท่อลมไปยังห้องต่างๆ ในตัวบ้านหรืออาคาร ซึ่งด้วยระบบท่อลมนี้เองที่จะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเห็นส่วนของแอร์ที่โผล่ออกมาในห้อง จึงมีความสวยงามและสามารถควบคุมความเย็นได้จากจุดศูนย์กลางเพียงจุดเดียว
แต่ข้อเสียก็คือ การติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก มีราคาสูง และเมื่อเสียขึ้นมาก็จะเกิดผลกระทบกับทุกพื้นที่ในอาคาร
โปรโมชั่นล้างแอร์วันนี้
ล้างแอร์ 400฿ เติมน้ำยาแอร์ฟรีและมีคุณประโยชน์ป้องกันการสะสมของฝุ่นพิษ PM 2.5 สารก่อโรคมะเร็งและป้องกันไวรัสโคโรน่า COVID-19
5.แอร์แบบหน้าต่าง
เป็นแอร์ที่มักพบในห้องของคอนโดยุคเก่าๆ แต่ในปัจจุบันนี้แทบจะไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว โดยตัวเครื่องแอร์นั้นจะมีขนาดที่พอดีกับหน้าต่าง และจะมีส่วนประกอบทั้งคอนเดนซิ่ง ยูนิต และแฟนคอยล์ ยูนิตอยู่ภายในเครื่องเดียว
6.แอร์แบบเคลื่อนที่
เป็นแอร์บ้านที่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ทุกพื้นที่ในบ้าน เพราะจะมีล้อเลื่อนที่สามารถเข็นไปได้ในทุกที่ที่ต้องการความเย็น ซึ่งข้อดีก็คือ มีความสะดวกในการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องทำการติดตั้งระบบใดๆ เมื่อต้องการความเย็นในพื้นที่ไหนก็เคลื่อนย้ายแอร์ไปที่นั่น
7.แอร์แบบตู้ตั้งพื้น
เป็นแอร์ที่มีลักษณะภายนอกเหมือนตู้ เหมาะสำหรับพื้นที่หลายรูปแบบตั้งแต่ห้องนอนเล็กๆ ไปจนถึงห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ สามารถกระจายความเย็นได้ในระดับเดียวกับผู้ใช้งาน โดยจะไม่มีความเย็นลอยสูงไปจนถึงเพดาน และจะมีความเย็นมาสัมผัสร่างกายโดยไม่แรงมากเกินไป
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเย็นแต่ไม่เย็นมาก แต่ข้อเสียของแอร์ชนิดนี้คือ เปลืองไฟมากกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ เมื่อได้รู้จักกับแอร์บ้านแต่ละประเภทรวมถึงข้อดีข้อด้อยของแต่ละประเภทแล้ว ก็คงจะทำให้คุณสามารถเลือกแอร์ที่เหมาะสมกับประเภทของที่อยู่อาศัยและเหมาะกับการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
โปรโมชั่นแอร์บ้านในวันนี้
โปรด่วน! แบบสุดพิเศษสำหรับแอร์บ้าน บอกเลยว่าโปรนี้สุดคุ้มจริงๆ ราคานี้รวมค่าติดตั้งแล้ว คุณลูกค้าสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย พร้อมติดตั้งในทุกๆจังหวัด