อากาศร้อนเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวโดยเฉพาะในประเทศที่อากาศร้อนทั้งปีอย่างในประเทศไทยนั้นเครื่องปรับอากาศจึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความสำคัญอย่างมากในการปรับอุณหภูมิภายในห้องให้มีความเย็นสบายเพื่อให้อยู่ได้อย่างมีความสุขและไม่ต้องทนหงุดหงิดกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวกันอีกต่อไป
เครื่องปรับอากาศทำให้อากาศเย็นขึ้นได้อย่างไร
ในปัจจุบัน บ้านและที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยปรับอุณหภูมิให้เย็นสบาย ซึ่งหลักการทำงานของแอร์ที่ช่วยทำให้อากาศภายในห้องเย็นสบายขึ้น ก็ประกอบไปด้วยกระบวนการทำงานหรือขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.กระบวนการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศประกอบไปด้วยส่วนสำคัญหลักๆ ก็คือ คอมเพรสเซอร์ ซึ่งทำหน้าที่ในการเพิ่มความดันให้กับสารทำความเย็นด้วยกระบวนการอัดไอเย็น ให้กับสารทำความเย็น, คอยล์ร้อน
โดยทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อนของสารทำความเย็น และคอยล์เย็นที่มีหน้าที่ในการดูดซับความร้อนที่อยู่ในตัวอาคารหรือภายในห้องเ ข้ามายังสารทำความเย็น
2.เมื่อเริ่มต้นทำงาน คอมเพรสเซอร์จะทำการดูดสารทำความเย็นจากเครื่องระเหยเข้ามาทางท่อดูด โดยสารทำความเย็นที่เป็นไอความดันต่ำนี้จะถูกอัดให้มีความดันและอุณหภูมิที่สูง ขึ้น ก่อนจะส่งต่อไปยังคอยล์ร้อนต่อไป
3.เมื่อความร้อนที่ถูกดูดเข้ามาโดยคอมเพรสเซอร์เข้ามายังส่วนของคอยล์ร้อน สารทำความเย็นหรือน้ำยาทำความเย็นจะมาไหลวนผ่านแผงคอยล์ร้อน โดยจะมีพัดลมเป่าระบายความร้อนออกไป
ทำให้น้ำยาแอร์ในส่วนนี้มีอุณหภูมิลดลงก่อนจะถูกส่งต่อไปยังอุปกรณ์ที่ช่วยลดความดันที่ประกอบไปด้วย expansion valve หรือ capillary tube
4.น้ำยาแอร์ที่ผ่านการระบายความร้อนจนมีอุณหภูมิลดลง รวมทั้งมีความดันลดต่ำลงจากอุปกรณ์ลดความดันจะไหลต่อไปยังคอยล์เย็น โดยมีพัดลมเป่าเพื่อลดความร้อนภายในห้อง ซึ่งตอนนี้ห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศจะมีอุณหภูมิที่ลดลง
ในขณะที่น้ำยาทำความเย็นจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้มันต้องถูกส่งกลับเข้าคอมเพรสเซอร์เพื่อเริ่มต้นกระบวนการทำความเย็นดัง ที่กล่าวมาข้างต้นต่อไป
เลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไร ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง
หลังจากที่เราได้รู้ว่าเครื่องปรับอากาศ มีกระบวนการทำงานอย่างไรเพื่อให้ห้องมีอุณหภูมิที่เย็นสบายขึ้นแล้ว ก็ต้องรู้ด้วยว่าความสามารถในการทำความเย็นของแอร์แต่ละเครื่องก็มีความแตก ต่างกันไป
โดยส่วนสำคัญที่จะทำให้แอร์เย็นมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับขนาด BTU หรือขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเครื่องที่มี BTU สูงจะมีประสิทธิภาพในการทำความเย็นได้มาก แต่ก็มีอัตราการใช้พลังงานที่สูงมากขึ้นตามไปเช่นเดียวกัน
การเลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้องนั้น ต้องคำนึงถึงขนาดของ BTU ที่เหมาะสม พร้อมกันนี้ การเลือกแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก เปลืองพลังงานและทำให้แอร์เสียได้ง่าย
อีกทั้งยังทำให้ความเย็นในห้องไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งค่าเอาไว้ ส่วนการเลือกแอร์ที่มี BTU สูงเกินไปก็จะเกิดความสิ้นเปลืองและความชื้นในห้องสูง อีกทั้งยังทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรเนื่องจากถูกตัด การทำงานบ่อยเกินไป
โปรโมชั่นล้างแอร์วันนี้
ล้างแอร์ 400฿ เติมน้ำยาแอร์ฟรีและมีคุณประโยชน์ป้องกันการสะสมของฝุ่นพิษ PM 2.5 สารก่อโรคมะเร็งและป้องกันไวรัสโคโรน่า COVID-19
การคำนวณ BTU ที่เหมาะสมควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้าง?
การคำนวณ BTU ที่เหมาะสมของเครื่องปรับอากาศ จะต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่างดังนี้
1.ที่ตั้งของห้อง
โดยควรดูว่าเป็นทิศทางที่แดดส่องถึงหรือไม่ หากเป็นทิศที่แสงแดดส่องถึงหรือมีแดดจัดตลอดทั้งวัน แม้จะมีขนาด btu ที่เท่ากัน แต่ก็อาจจะทำให้แอร์ทำความเย็นไม่เท่ากันได้ ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจจะต้องพิจารณาในการทำม่านบังแดดหรือปลูกต้นไม้เพื่อบังแดดในระยะยาวแทน
2.ประเภทการใช้งาน
เช่น ใช้งานในห้องนอน, ห้องทำงาน, สำนักงาน, ร้านอาหาร หรือร้านขายของ โดยห้องนอนที่มีคนอยู่เพียง 1-2 คน อาจใช้จำนวน btu ที่น้อยกว่าสำนักงานหรือร้านอาหารที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก แม้จะมีพื้นที่เท่ากันก็ตาม
3.อุปกรณ์เพิ่มเติมภายในห้อง
อย่างเช่น เตาปิ้ง, เครื่องไมโครเวฟ หรือหม้อต้ม เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อเปิดใช้งานภายในห้องจะปล่อยความร้อนออกมา ทำให้อากาศภายในห้องมีอุณหภูมิที่สูงตามขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นตามด้วย
4.ปริมาณคนที่ใช้งานในห้อง
แม้มีขนาดพื้นที่ห้องเท่ากัน แต่มีปริมาณคนใช้งานมากกว่าก็ต้องเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงกว่า
รับติดตั้งแอร์
รับติดตั้งแอร์ เปลี่ยนที่การติดตั้งแอร์ ด้วยทีมงานมืออาชีพ ที่มากประสบการณ์ ติดต่อเราได้เลยคะ มีทีมงานพร้อมบริการในทุกๆจังหวัด
สูตรคำนวณ BTU ของเครื่องปรับอากาศในแต่ละห้อง
สูตรการคำนวณ BTU ของเครื่องปรับอากาศสามารถทำได้โดยใช้สูตรดังต่อไปนี้ [ความกว้างของห้อง(หน่วยเป็นเมตร) x ความยาวของห้อง (หน่วยเป็นเมตร) ] x ค่าตัวแปร โดยค่าตัวแปร จะมีอยู่ด้วยกันหลายค่า ดังนี้
1.ห้องนอนที่ไม่โดนแดด ใช้ค่าตัวแปร 750
2.ห้องนอนที่โดนแดด ใช้ค่าตัวแปร 800
3.ห้องทำงานที่ไม่โดนแดด ใช้ค่าตัวแปร 850
4.ห้องทำงานที่โดนแดด ใช้ค่าตัวแปร 900
5.สำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหารที่ไม่โดนแดด ใช้ค่าตัวแปร 950 – 1,100
6.สำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหารที่โดนแดด ใช้ค่าตัวแปร 1,000 – 1,200
7.ร้านอาหารที่มีหม้อต้มหรือเตาทำความร้อน เช่น ร้านปิ้งย่าง, ร้านชาบู, สุกี้ รวมไปถึงห้องที่มีจำนวนคนใช้งานเป็นจำนวนมาก เช่น ห้องประชุม สัมมนา ใช้ค่าตัวแปร 1,100 – 1,500
ตัวอย่างการคำนวณ BTU ของเครื่องปรับอากาศ วิธีการคำนวณ BTU ของห้องประเภทต่างๆ สามารถทำได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1.ห้องนอนขนาด 4 x 5 เมตร ไม่โดนแดด สามารถคำนวณได้โดย [4×5] x 750 = 15, 000 BTU
2.ห้องทำงาน ขนาด 4 x 5 เมตร โดนแดด สามารถคำนวณได้โดย [4×5] x 900 = 18, 000 BTU
3.ร้านปิ้งย่าง ขนาด 4 x 5 เมตร สามารถคำนวณได้โดย [4×5] x 1, 100 = 22, 000 BTU
เมื่อได้รู้กระบวนการทำงานของเครื่องปรับอากาศ และความสำคัญของการเลือกขนาดของ BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ห้องแล้ว ก็จะทำให้คุณมีความเข้าใจการทำงานของแอร์บ้านและสามารถเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ ตลอดจนความต้องการในการใช้งานได้อย่างไม่ยาก
โปรโมชั่นแอร์บ้านในวันนี้
โปรด่วน! แบบสุดพิเศษสำหรับแอร์บ้าน บอกเลยว่าโปรนี้สุดคุ้มจริงๆ ราคานี้รวมค่าติดตั้งแล้ว คุณลูกค้าสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย พร้อมติดตั้งในทุกๆจังหวัด